บทที่ 9

เคิร์ต ฮาร์วีย์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของลอเรนโซ เป็นชายร่างสูงที่มักจะทำหน้าเย่อหยิ่งราวกับว่าตัวเองเหนือกว่าใครๆ

แม้ว่าเขาจะพูดจาสุภาพ แต่แอลเบอร์ต้าก็สัมผัสได้ถึงความดูถูกเหยียดหยามของเขาได้อย่างชัดเจน

เคิร์ตมองแอลเบอร์ต้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้หญิงคนนี้ที่คว้าฉายา ‘สังหารแรก’ มาได้นั้นสวยสะดุดตาจริงๆ แต่แขนเล็กๆ นั่นน่ะเหรอจะจัดการกูลที่หิวโซได้? ข่าวลือว่ากันว่าเธอจัดการมันได้ในไม่กี่กระบวนท่า ไม่เรื่องที่เล่าต่อๆ กันมามันเกินจริง ก็คือเธอแค่ฟลุกเท่านั้นแหละ

เซนยื่นมือออกไปอย่างกระตือรือร้น “เฮ้! ยินดีที่ได้รู้จักครับ! ผมเซน คงจะสุดยอดไปเลยถ้าได้ทำงานให้คุณพาล์มเมอร์!”

เคิร์ตจับมือเขาอย่างขอไปทีแล้วก็หันไปหาแอลเบอร์ต้า

แอลเบอร์ต้าทำเมินเฉยยิ่งกว่านั้น เธอแค่ยกมือขึ้นเล็กน้อยโดยไม่สัมผัสมือของเคิร์ต “ให้คนอื่นได้รับเกียรติรับใช้คุณพาล์มเมอร์เถอะค่ะ”

เคิร์ตชักมือกลับพร้อมกับแค่นเสียง และเซนก็รีบพูดแทรกขึ้นมา “เธอไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกครับ เธอแค่ล้อเล่นน่ะ”

“ฉันหมายความตามที่พูดทุกอย่าง ฉันไม่ล้อเล่นกับคนแปลกหน้า” แอลเบอร์ต้าสวนกลับ

เคิร์ตเลิกคิ้วขึ้น พลางคิดในใจ ‘ผู้หญิงคนนี้กล้าปฏิเสธฉัน ไม่โง่ก็ต้องมั่นใจในตัวเองสุดๆ’

“ถ้าคุณเข้าร่วมกับเรา เราจะจ่ายให้คุณวันละหนึ่งหมื่น พร้อมทั้งจัดหาอาหารและน้ำให้ คุณมีเด็กมาด้วย ไม่อยากหาเสื้อผ้าสะอาดๆ ให้เขาใส่หน่อยเหรอ? เรามีหมอด้วย คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องบาดแผลหรือความเจ็บป่วย” เคิร์ตกล่าว

แอลเบอร์ต้ายอมรับว่าข้อเสนอนั้นน่าดึงดูดใจ แต่เธอไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร

“ฉันไม่...” ก่อนที่เธอจะพูดจบ เซนก็ดึงเธอออกมาแล้วพูดแทรกขึ้นว่า “เราขอเวลาคิดดูก่อนครับ!”

แอลเบอร์ต้าสะบัดมือเขาออกอย่างหัวเสีย “หุบปาก”

เซนดูกระวนกระวายเพราะกลัวจะพลาดโอกาส ส่วนเคิร์ตกลับยิ้ม “นอกจากข้อเสนอที่ว่ามาแล้ว เรายังต้องการซื้ออาวุธที่คุณใช้ฆ่าผีด้วย เสนอราคามาได้เลย”

แอลเบอร์ต้าตอบ “ไม่ขาย”

เคิร์ตไม่ได้สะทกสะท้านกับคำปฏิเสธของเธอ เขายิ้มแล้วพูดว่า “คืนนี้คุณพาล์มเมอร์จะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำเล็กๆ ตอนหกโมงเย็นที่ห้องจัดเลี้ยงออร์คิด ชั้นเจ็ด คุณจะพาเพื่อนมาด้วยก็ได้นะ”

เขาเหลือบมองเซนอย่างมั่นใจว่าเซนจะทำทุกวิถีทางเพื่อเกลี้ยกล่อมแอลเบอร์ต้า

ทันทีที่เคิร์ตจากไป เซนก็อดรนทนไม่ไหว รีบพูดขึ้นว่า “ทำไมเธอถึงรีบปฏิเสธเขาไปแบบนั้นล่ะ? เธอรู้ไหมว่าข้อเสนอจากคนอย่างลอเรนโซมันมีค่าแค่ไหน? แค่เขาช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลแล้วนะ!”

อันที่จริงเซนอยากร่วมมือกับแอลเบอร์ต้า แต่เธอกลับไม่ไว้ใจเขา เขาเหลือบมองร็อดเดอริกที่กำลังเกาะมือแอลเบอร์ต้าเงียบๆ แอลเบอร์ต้าพาเด็กคนนี้ไปทุกที่ ช่างเป็นตัวถ่วงจริงๆ! ถ้าเขาได้เข้าถึงตัวลอเรนโซ เขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแอลเบอร์ต้าอีกต่อไป

“ไปเจอเขาสักหน่อยเถอะนะ” เซนอ้อนวอน

“ก็ได้ ฉันจะไป นายก็มาด้วย” แอลเบอร์ต้าพูด

“เธอจะไปเหรอ?” เซนคิดว่าตัวเองหูฝาดไป เขาเตรียมคำพูดเกลี้ยกล่อมมายืดยาว แต่ตอนนี้กลับต้องเก็บมันลงคอไปอย่างพูดไม่ออกและหงุดหงิด

แอลเบอร์ต้าพยักหน้า “ฉันอยากจะไปดูชั้นเจ็ดหน่อย”

เธอไม่พอใจกับห้องพักชั้นสอง พวกผู้เล่นอยู่กันอย่างแออัดยัดเยียดและทุกคนต่างจับตาดูความเคลื่อนไหวของกันและกัน ห้องพักชั้นบนๆ นั้นทั้งหรูหราและกว้างขวาง บางทีเธอน่าจะหาที่ที่ดีกว่านี้ให้ตัวเอง

ส่วนเรื่องที่ลอเรนโซต้องการอะไรจากพวกผู้เล่นนั้น แอลเบอร์ต้าไม่ได้สนใจเลย

เมื่อตกลงกันได้แล้ว เซนก็กระตือรือร้นนำทางแอลเบอร์ต้าไปหาอาหาร แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

ห้องเก็บอาหารอยู่ในห้องครัว ห้องครัวชั้นหนึ่งถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา และไม่มีใครกล้าพังเข้าไป ส่วนห้องครัวชั้นสองที่อัลเบอร์ต้าเคยบุกเข้าไปค้นหาเสบียงตั้งแต่ตอนขึ้นเรือมาใหม่ ๆ ตอนนี้ก็ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง เซนบอกว่าการต่อสู้แย่งชิงอาหารที่ดุเดือดที่สุดเกิดขึ้นตอนตีห้า เขาคว้าเสบียงมาได้บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับสิบสองวันที่เหลือ

ห้องอาหารทุกห้องถูกปล้นไปหมดแล้ว ของกินได้ทุกอย่างถูกเอาไปจนเกลี้ยง และผู้เล่นบางคนก็เอาโต๊ะกับเก้าอี้มาซ้อนกันเพื่อขวางทางเข้า พร้อมกับติดป้ายแสดงอาณาเขตของตัวเอง อัลเบอร์ต้าเห็นเสบียงที่พวกเขารวบรวมไว้ผ่านช่องว่างระหว่างสิ่งกีดขวาง เมื่อเธอมองนานเกินไป ยามที่เฝ้าอยู่ก็เตือนว่า “ไปให้พ้น!”

ขณะที่เดินไป อัลเบอร์ต้าสังเกตว่าจำนวนผู้เล่นน้อยกว่าวันแรก และความตื่นเต้นก็หายไปจากใบหน้าของพวกเขา เซนอธิบายว่าหลายคนหาอาหารได้แล้วและกำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องพักของตัวเอง วางแผนจะอยู่ที่นั่นจนกว่าจะลงจากเรือได้ ส่วนคนที่ยังเดินเตร็ดเตร่อยู่ก็เป็นเหมือนพวกเขา คือไม่มีอาหารเพียงพอ และหวังว่าจะโชคดี

เซนไม่ได้บอกอัลเบอร์ต้าว่าเขามีอาหารเหลือเท่าไร และเธอก็ไม่ได้บอกเรื่องเสบียงของตัวเองเช่นกัน พวกเขาค้นหาทั่วทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสองตลอดช่วงเช้า พอใกล้ถึงเวลาเที่ยง อัลเบอร์ต้าก็พูดขึ้น “ฉันจะไปที่ห้องครัวชั้นหนึ่ง จะไปกับฉันหรือจะรออยู่ที่นี่?”

เธอตื่นสายเกินไปจึงไม่ได้ยินประกาศตอนเช้า เซนบอกว่าเสียงตามสายประกาศให้ผู้เล่นสังเวยมนุษย์สิบคนให้กับเหล่าภูตผีภายในเที่ยงวัน

ตั้งแตตื่นนอน อัลเบอร์ต้าก็ไม่สามารถติดตามตำแหน่งของลอว์เรนซ์ได้เลย เรือลำนี้ยาวกว่า 900 ฟุต และแม้จะเดินจากหัวเรือไปยังท้ายเรือ ซอฟต์แวร์ติดตามของเธอก็ไม่แสดงผลใด ๆ มีความเป็นไปได้สองอย่าง คือลอว์เรนซ์ไม่ได้อยู่บนเรือแล้ว หรือไม่ก็เครื่องติดตามรูปผีเสื้อสีน้ำเงินเสียหาย

ลอว์เรนซ์ไม่น่าจะลงจากเรือไปได้ ดังนั้นเครื่องติดตามคงจะพังแล้ว

“เธอจะไปที่นั่นทำไม” เซนไม่ค่อยอยากจะไป “คิดจะฆ่าผีอีกตัวหรือไง”

อัลเบอร์ต้าไม่ได้อธิบาย เธอจูงมือโรเดอริกแล้วมุ่งหน้าไปทางบันได เซนมองแผ่นหลังของเธออย่างขุ่นเคือง แต่สุดท้ายก็เดินตามไป

น่าประหลาดใจที่มีผู้เล่นจำนวนมากอยู่หน้าห้องครัวชั้นหนึ่ง

ต่างจากความพยายามบุกเข้าไปอย่างโกลาหลเมื่อคืนก่อน ครั้งนี้ผู้เล่นมีอาวุธที่ดีกว่า เมื่อดูจากรูปร่างและการเคลื่อนไหว หลายคนเป็นนักสู้ผู้ช่ำชอง ถึงกับมีผู้บัญชาการคอยมอบหมายภารกิจล่าผี และผู้บัญชาการคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเคิร์ต

พวกเขาตั้งใจจะฆ่าพวกผีแล้วบุกเข้าไปในห้องครัวเพื่อยึดห้องเก็บอาหาร

เซนมองอัลเบอร์ต้าอย่างทึ่ง ๆ “เธอรู้ล่วงหน้าเหรอว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้”

อัลเบอร์ต้ายังคงนิ่งเงียบ เธอไม่ได้คาดคิดว่าเคิร์ตจะอยู่ที่นี่ เธอแค่มาตามหาลอว์เรนซ์เท่านั้น

เคิร์ตเห็นเธอเข้าพอดีจึงก้าวฉับ ๆ เข้ามาหา “อัลเบอร์ต้า เธอมาเข้าร่วมกับพวกเราด้วยเหรอ”

เสียงของเขาดังพอที่จะดึงดูดความสนใจ ผู้คนหันมามองผู้เล่นที่ได้รับฉายา “สังหารแรก” เมื่อเห็นว่าเป็นอัลเบอร์ต้า พวกเขาก็พากันผิดหวัง

ชายร่างกำยำคนหนึ่งเปรียบเทียบขาของอัลเบอร์ต้ากับแขนของเขา “ขาของเธอยังเล็กกว่าแขนของฉันอีก แล้วไปฆ่าผีได้ยังไง”

อัลเบอร์ต้ากำลังจะอ้าปากพูด แต่เคิร์ตก็พูดแทรกขึ้น “ฉันก็อยากจะเห็นกับตาตัวเองเหมือนกัน เข้าไปข้างในกับพวกเราเป็นไง”

อัลเบอร์ต้าอยากเข้าไปในห้องครัวอยู่แล้ว เธอจึงพยักหน้า “ได้สิ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป